วัตถุมงคลของท่านพ่อสุ่น จะแยกออกเป็น 2 ตอน คือ
1. วัตถุมงคลที่สร้างสมัยท่านมีชีวิตอยู่
2. วัตถุมงคลที่สร้างขึ้นหลังจากท่านมรณะภาพแล้ว
วัตถุมงคลที่สร้างสมัยท่านมีชีวิตอยู่
ตะกรุด
ตะกรุดท่านพ่อสุ่น เท่าที่สืบเสาะค้นคว้ามาเป็นเวลาหลายปีและจากการสอบถามลูกศิษย์ท่านโดยใกล้ชิดพอจะแยกออกดังนี้
ตะกรุด 3 กษัตริย์ ซึ่งนับว่าหายากมาก และตะกรุด 3 กษัตริย์ นี้
ยังแยกออก 3 แบบ คือ
- แบบ 3 กษัตริย์ เป็น ทอง, นาค, เงิน 3 ดอกเรียงกันและหนักดอกละ
1 บาท ผู้ที่จะมีตะกรุด
นี้จะต้องเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด และจะต้องมีเงินสมัยก่อน เพราะจะต้องนำแผ่นเงิน,
นาค, ทอง ที่รีดแล้วมาให้ท่านๆถึงจะทำให้ แต่ของเสือจ๋ายท่านเป็นผู้ทำให้เอง
- แบบ 3 กษัตริย์ ในดอกเดียวกัน คือ 3 ชั้น ในดอกเดียวกัน
ตะกรุดชนิดนี้พบเห็นไม่บ่อย
นักเท่าที่เห็น ชั้นนอกเป็นเงิน ชั้น 2 ทองแดง ชั้น 3 ทองเหลือง
หรือบางที ชั้นนอกเป็นตะกั่ว ชั้น 2 บางดอกก็เป็นทองเหลืองหรือทองแดงไม่แน่
ชั้น 3 ทองแดงหรือบางทีก็เป็นทองเหลือง คือกลับกันก็มี
- ตะกรุดโทนเนื้อตะกั่ว เป็นตะกรุดดอกเดียว เท่าที่พบเห็นจะเอาความยาวเป็นมาตรฐานไม่ได้
และตะกรุดชนิดนี้มีกันมาก ส่วนมากตะกรุดโทนท่านพ่อนี้มักจะไม่ค่อยถักเชือกหุ้มเป็นส่วนมาก
เมื่อผู้ใดได้ทำตะกรุดของท่านที่บรรจุพุทธคุณให้แล้ว และเป็นคนรักสวยรักงามหน่อยก็จะให้คนที่มีฝีมือถักให้เพื่อความสวยงามแล้วใช้น้ำมันยางมั่ง
รักมั่ง ทาทับอีกทีหนึ่งแต่พบน้อยมากเพราะส่วนมากจะไม่ถักกัน ตะกรุดชนิดนี้เคยมีผู้ทดลองยิงปืนแตกถูกหน้าตาบาดเจ็บมาแล้ว
ตะกรุดพวงหรือตะกรุดชุด ตะกรุดชนิดนี้มีลักษณะเป็นพวง พวงละ 3 ดอกบ้าง
7 ดอกบ้าง 9 ดอกบ้าง แต่ที่เห็นพวงที่สมบูรณ์มักไม่ค่อยมี มักจะขาดหายไปไม่ครบ
ภาพที่ถ่ายนี้เป็นพวงที่สมบูรณ์ที่สุด เป็นของนายผลิ เนินริมหนอง
เป็นตะกรุดพวงชนิด 7 ดอก มีใหญ่ 3 ดอก กลาง 2 ดอก ดอกเล็ก 1 ดอก
ดอกจิ๋ว 1 ดอก ยาวประมาณศอกกว่าเมื่อวางเรียงกัน
อภินิหารพระตะกั่วท่านพ่อสุ่น 
นายแบ๊ว
อุดมเวช อยู่หมู่บ้านคลองกลอย ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ อำเภอแหลมสิงห์
จังหวัดจันทบุรี นายแบ๊ว สมัยบวชเป็นพระมีพระอาจารย์เฮ้าเป็นเจ้าอาวาส
พระแบ๊วเป็นคนที่พระอาจารย์เฮ้าชอบใช้ให้บีบนวดเป็นประจำ วันหนึ่งเมื่อบีบนวดจนพระอาจารย์เฮ้าหลังลงแล้ว
ก็ถือโอกาสเข้าไปในห้องของท่าน เมื่อเดินดูนั่น ดูนี่จนทั่วก็มองเห็นพระตะกั่ววางไว้ในพานทองเหลืองขนาดกลางเกือบครึ่งจาน
(คงเป็นพระที่ตกค้างมาสมัยท่านพ่อสุ่น และทางวัดเก็บรักษาเอาไว้)
ด้วยความที่เห็นว่าพระมากและกะว่าต้องเป็นพระเก่าจึงหยิบมา 6 - 7
องค์ เมื่อมาดูก็เห็นพระเป็นรูปต่างๆ ใหญ่บ้างเล็กบ้าง จึงนำกลับมาไว้ที่ห้องของตนเอง
วันหนึ่งนึกคะนองขึ้นมาจึงใช้ให้เด็กวัดไปหาปลาช่อนมาหนึ่งตัว เมื่อเด็กวัดนำปลาช่อนมาให้
จึงอาราธนาพระตะกั่วใส่ปากปลาช่อนและให้เด็กวัดไปหามีดมา เด็กวัดก็ไปเอามีดหั่นหยวกมาให้
พระแบ๊วจึงใช้มีดหั่นหยวกฟันปลาช่อนตัวนี้ แต่ช่างประหลาดแท้ คมมีดหาไม่ระคายผิวปลาช่อนไม่
พาลนึกไปว่าตัวเองคงฟันไม่แรง แต่เรื่องที่มีดหั่นหยวกจะไม่คมคงเป็นไปไม่ได้
เพราะมีดหั่นหยวกชาวบ้านใช้หั่นหยวกอยู่ทุกวันก็ต้องคมกริบอยู่เสมอ
จึงฟันไปอีกก็ฟันไม่เข้า ฟันอีก 5 - 6 ครั้ง ก็ไม่เข้า จึงนำพระออกจากปากปลาช่อนตัวนั้นและใช้ให้เด็กวัดพาไปปล่อยน้ำ
และตั้งแต่นั้นมาถ้าพระอาจารย์เฮ้าใช้ให้บีบนวดและหลับลง พระแบ๊ว
จะต้องเข้าไปเอาพระตะกั่วในห้องทุกครั้ง เพราะเห็นกับตาตัวเองว่า
ฟันปลาช่อนไม่เข้า และเมื่อสึกพระออกมา นำพระทั้งหมด 30 กว่าองค์กลับบ้านด้วย
จนมามีเมีย และต่อมาเมียก็จะคลอดลูก คลอดก็ไม่ยอมออกง่ายๆ หมอตำแยจึงถามว่า
ในบ้านมีพระมหาอุตต์หรือเปล่า ถ้ามีก็ให้เอาไปไว้ที่อื่นก่อน นายแบ๊วจึงนึกถึงพระตะกั่วที่เอามาจากวัดปากน้ำได้
จึงหยิบจากหิ้งพระลงมาและนั่งเลือกดู เห็นพระปิดตา ปิดทวาร อยู่
2 - 3 องค์ ก็เลือกออกมา แล้วนำไปไว้ที่ต้นมะพร้าวหน้าบ้าน โดยที่มะพร้าวต้นนั้นไม่สูงมากนักจึงปีนขึ้นไปเอาไว้
โคนทางมะพร้าว กะว่าพอเมียคลอดลูกเสร็จแล้วจะมาเอากลับไป แต่เมื่อเมียคลอดลูกแล้วนายแบ๊วก็ลืม
จนต่อมามีชาวบ้านไล่ยิงนก และนกตัวนั้นได้บินหนีมาเกาะต้นมะพร้าวหน้าบ้านต้นที่ลืมพระนั้น
ชาวบ้านคนนั้นเมื่อเห็นนกเกาะจึงใช้ปืนยิง ปืนก็ยิงไม่ออก เปลี่ยนลูกใหม่ปืนก็ยิงไม่ออกอีก
จนนกตัวนั้นบินหนีไป ชาวบ้านคนนั้นเมื่อเจอนายแบ๊วจึงถามว่ามะพร้าวต้นหน้าบ้านมีอะไรดีปืนถึงยิงไม่ออก
นายแบ๊วได้ยินดังนั้นจึงนึกถึงพระตะกั่วที่ลืมไว้บนต้นมะพร้าว หาไม่เจอนายแบ๊วก็หยุดหา
แต่ก็ยังอุ่นใจที่ว่า พระยังอยู่เพราะเอามาหลายองค์ นายแบ๊วเมื่อไปต่างถิ่นไกลบ้านก็พกพระตะกั่วติดตัวไปด้วย
เมื่อมีเรื่องตีรันฟันแทงกันก็หลุดรอดมาได้ทุกครั้ง เรียกว่าแมลงวันไม่ได้กินเลือดจนคนพากันเรียกว่า
นายแบ๊วหนังเหนียว เรื่องนี้นายแบ๊วยืนยันได้
ดังนั้น พุทธคุณพระตะกั่วของท่านจึงมั่นใจได้ว่าสามารถใช้คุ้มครองชีวิตได้
เรื่องพระตะกั่วท่านพ่อสุ่นนี้ คนรุ่นปู่ รุ่นพ่อ มีประสบการณ์กันมากมาย
ไปทหารพกพระของท่านไปก็รอดกลับมาทุกคน บางคนใช้ตะกรุด, ผ้ายันต์,
เสื้อยันต์ ก็ไม่ขวนขวายหาพระตะกั่วกัน เพราะของท่านเหมือนกันทุกอย่าง
คือ สามารถคุ้มครองชีวิตได้เรื่องพระตะกั่วนี้ถ้าคนรุ่น ปู่, รุ่นพ่อ,
ตายลง และไม่ได้สั่งว่าพระตะกั่วนี้เป็นของท่านพ่อสุ่น เด็กรุ่นลูกรุ่นหลานก็จะไม่รู้จัก
เรียกว่ามีของดีอยู่กับบ้านแล้วไม่รู้จักใช้ แต่ถ้าบ้านไหนที่รู้เพราะคนรุ่นปู่,รุ่นพ่อ
สั่งเอาไว้ก็จะหวงแหนยิ่งนัก ถ้าผู้ใดมีไว้โดยเฉพาะคนแถบบางกะสร้อย
เมืองชล จะมีกันมากเพราะสมัยนั้นมาหาท่านบ่อยๆ โดยให้อาราธนาพระของท่านใช้ติดตัวรับรองว่า
แขวนไว้แล้วไม่หนักคอเปล่าๆ พระตะกั่วท่านพ่อสุ่นนี้ชาวบ้านปากน้ำแหลมสิงห์รุ่นหลังทุกๆวันนี้
เมื่อมีรูปเหรียญท่านก็รู้สึกพอใจกันแล้ว และเหรียญของ ท่านพ่อ พระอาจารย์เฮ้าก็สร้างขึ้นมามิใช่น้อยๆเป็นสิบรุ่น
แต่ละรุ่นเป็นพันเป็นหมื่นเหรียญ เรียกว่ามีทุกบ้านเรือน บ้านละเป็นสิบองค์
เลยดูว่าพระรุ่นใหม่บังพระรุ่นเก่าไป
ผ้ายันต์ 
ผ้ายันต์ของท่านจะเป็นแบบเขียนทุกผืน มีขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน
มีทั้งสีขาวและสีแดง และอย่างที่ใช้คลุมถึงเข่าก็มี ส่วนมากผ้ายันต์ของท่านทุกผืน
มักจะไม่ขาดรูปสิงห์
เชือกคาดแขน 
ลักษณะขวั้นเป็นวงกลมตรงกลางมีหัวแบบหัวแหวนพิรอดถักลงรักไว้
ลูกศิษย์ที่รู้การสร้าง เล่าว่าตรงหัวแหวนจะมี ทอง, นาค, เงิน ฝังไว้แล้วขวั้นผ้าทับไว้
พุทธคุณในทางคงกระพันชาตรียอดเยี่ยมยิ่งนัก
สีผึ้งท่านพ่อสุ่น 
สีผึ้งของท่านมีอยู่ 2 สี คือ สีดำขนานเอก รองลงมาคือสีลายหรือสีเนื้อ
สีผึ้งของท่าน จะหุงภายในโบสถ์หน้าองค์พระประธาน ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเล่าว่า
ภาชนะที่ท่านใช้หุงเป็นกระโถนเขียวเคลือบดอกแดง ท่านจะหุงและปลุกเสกตลอด
3 พรรษา พุทธคุณสีผึ้งของท่านเมตตามหานิยมยิ่งนัก แม้เข้าเจ้าเข้านายก็เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป
เรื่องสีผึ้งของท่านชาวบ้านในแหลมสิงห์รู้จักกันดีทุกคน และเป็นของหายากมาก
ผู้ใดได้ไว้ต่างก็หวงแหนยิ่งนัก พระอาจารย์เฮ้ามีสีผึ้งของท่านพ่ออยู่
1 ตลับ และแทบจะพูดได้ว่า ท่านพระอาจารย์เฮ้าสร้างวัดปากน้ำแหลมสิงห์สง่างามได้ทุกวันนี้เพราะพุทธคุณสีผึ้งท่านพ่อโดยแท้
เดินทางไปหาเงินทองมาสร้างวัดหามีผู้ขัดไม่ ทุกคนพากันเรียกพระอาจารย์เฮ้าว่า
"สาริกาลิ้นทอง" เรื่องนี้ท่านก็รู้กันดี และสีผึ้งของท่านจะหาชมได้ยากยิ่ง
รอยเท้า 

เป็นรอยเท้าท่านที่ประทับไว้ในผ้าขาว เหตุที่มีรอยเท้าท่านขึ้น
เพราะว่าท่านพ่อสุ่น ท่านเป็นพระที่คนนับถือกันมาก เมื่อมีคนทำคนแรกคือเอาสีมาป้ายทาเท้าท่านแล้วก็ใช้ผ้ากดทับรอยเท้าท่าน
และพอได้ไป นำไปอวดคนอื่นหรือรู้เข้า คนที่ยังไม่มีก็หาสีมาป้ายเท้าท่านและนำไปใช้มั่ง
รอยเท้าท่านพ่อมีไม่มากนัก เรื่องพุทธคุณนี้ไม่ต้องห่วง
สิงห์ 
สิงห์ท่านพ่อสุ่น นี้จากการค้นคว้ามีน้อยมาก และสิงห์ของท่านมีพุทธคุณมหาอำนาจยิ่งนัก
เพราะเป็นของที่ทำไว้น้อย เท่าที่พบมี 2 แบบ คือเป็นแผ่นเนื้อคล้ายสำริด
และเป็นรูปสิงห์ที่หลอมโดยตะกั่ว โดยนำเอาตะกั่วที่เหลือจากการสร้างพระและตะกรุดมาทำ
ผู้ใดมีไว้เป็นสิริมงคลแก่ตัวเองยิ่งนัก
|